สันติภาพอยู่ที่ใด ?

สันติภาพของโลกอยู่ที่มนุษย์ไม่เบียดเบียนกันเอง, ไม่เบียดเบียนสัตว์, ไม่เบียดเบียนป่าไม้.

การเอาเปรียบผู้อื่น,สังคมอื่น,หรือประเทศชาติอื่น นั่นคือการเบียดเบียนกันเอง.

การทำให้ป่าไม้ ต้นไม้ หรือพืชตายไปโดยไม่จำเป็น นั่นคือการเบียดเบียนป่าไม้.

แม้เราจะไม่ได้ลงมือเบียดเบียนเองก็ตาม แต่เราก็มีส่วนทำให้มีการเบียดเบียนขึ้นได้โดยอ้อม.

การที่เรากินเกิน ใช้เกินนั่นแหละคือการส่งเสริมให้มีการเบียดเบียนโดยอ้อม.

เมื่อมนุษย์ส่วนใหญ่กินเกิน ใช้เกิน ก็ย่อมทำให้เกิดการเบียดเบียนขึ้นอย่างมากมาย.

สงคราม,โรคติดต่อร้ายแรง,ภัยธรรมชาติ,ความอดอยากขาดแคลน ฯลฯ ล้วนเกิดจาก ที่มนุษย์ส่วนใหญ่กินเกิน ใช้เกินทั้งสิ้น.

เมื่อมนุษย์มีการเบียดเบียนกันน้อย สันติภาพก็จะเห็นได้ลางๆ.

เมื่อมนุษย์มีการเบียดเบียนกันมากขึ้น สันติภาพก็หายไป วิกฤติการณ์ก็เกิดขึ้นมาแทน.

ถ้ามนุษย์ยังไม่หยุดการเบียดเบียนกันอยู่เช่นนี้ต่อไป ความวินาศของมนุษย์ก็อยู่ไม่ไกล.

ทางรอดของมนุษย์จึงมีอยู่หนทางเดียว คือมนุษย์ต้องหยุดการเบียดเบียนทั้งหลายให้มากที่สุด.

ต้องเริ่มที่ตัวเราก่อน การละเว้นความชั่ว ความผิด, เว้นสิ่งเสพติด,เว้นสิ่งฟุ่มเฟือยนั่นเอง คือการหยุด การเบียดเบียนทั้งหลาย.

การใช้ชีวิตที่เรียบง่าย,ไม่มีส่วนเกินหรือมีน้อยที่สุด,และรักผู้อื่น,ช่วยเหลือผู้อื่น นี่คือหนทาง สู่สันติภาพที่แท้จริง.

เราต้องช่วยกันปฏิบัติ และช่วยกันเผยแพร่หนทางสู่สันติภาพนี้แก่มวลมนุษย์ด้วยใจบริสุทธิ์.

เมื่อมนุษย์มีใจบริสุทธิ์ มีปัญญาบริสุทธิ์ โลกก็จะบริสุทธิ์ สันติภาพก็จะกลับคืนมาได้เอง.

ถ้ามนุษย์มีใจสกปรก มีปัญญาที่สกปรก ธรรมชาติ(พระเจ้า)ก็จะต้องล้างโลกนี้เสียใหม่ เพื่อกำจัด ความสกปรกออกไปเสียจากโลก แล้วสร้างโลกที่บริสุทธิ์ขึ้นมาใหม่.

ความเจริญทางวัตถุส่วนใหญ่มีเพื่อการเบียดเบียน ส่วนน้อยมีเพื่อส่งเสริมสันติภาพ.

สันติภาพจึงอยู่ที่ตัวเราก่อน แล้วชวนคนอื่นเดินไปด้วยกัน เราจึงจะมีสันติภาพ ถ้าไม่ทำเช่นนี้ เรา ก็จะพากันเดินสู่ความวินาศโดยไม่รู้ตัว.


จากจิตใจที่โหยหาสันติภาพ
เตชปญฺโญ ภิกขุ
อาศรมพุทธบุตร เกาะสีชัง ชลบุรี
(ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก www.whatami.net)