โฆษณาบ้าเลือด

ในปัจจุบันคงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าไม่เคยดูโฆษณา เพราะไม่ว่าจะไปทางไหนก็มีแต่การโฆษณา  ไม่ว่าจะเป็นป้ายประกาศ หรือรถโฆษณาเคลื่อนที่ หรือหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ เป็นต้น 

การโฆษณานั้น จุดมุ่งหมายก็คือต้องการให้ผู้คนจำนวนมากรู้ถึงประโยชน์หรือคุณค่าของสินค้าที่เขาโฆษณา เรียกง่ายๆว่าเป็นการ “บอกให้รู้” เพื่อให้คนซื้อสินค้าที่เขาโฆษณา

ถ้าเราจะมาดูการโฆษณาในสื่อสำคัญที่ครอบงำผู้คนในประเทศเกือบจะทั้งหมดอยู่ก็เห็นจะได้แก่หนังสือพิมพ์ วิทยุ และโทรทัศน์  โดยเฉพาะโทรทัศน์ที่เข้าถึงแทบทุกคนในประเทศเลยก็ว่าได้  ดังนั้นโทรทัศน์จึงเป็นเป้าหมายสำคัญของการโฆษณาสินค้าหรือบริการต่างๆมากมาย เพราะเพียงการโฆษณาแค่ครั้งเดียวจะมีคนรับรู้เป็นล้านคนเลยทีเดียว ซึ่งแม้ค่าโฆษณาทางโทรทัศน์จะแพงถึงประมาณนาทีละเป็นหมื่นๆบาทก็ตาม แต่ผลที่ตามมานั้นจะคุ้มค่ามาก เพราะจะทำให้คนซื้อสินค้าที่โฆษณานั้นมากขึ้นเป็นอย่างมาก จนทำให้มีกำไรมากขึ้นอย่างมากมายเกินกว่าที่เสียไปกับค่าโฆษณานั้น  จะต่างกับสินค้าที่ไม่ได้โฆษณา ที่แทบจะไม่มีใครสนใจซื้อ แม้จะมีคุณค่าหรือประโยชน์เหมือนกับสินค้าที่โฆษณาก็ตาม  ดังนั้นกลยุทธ์ที่สำคัญที่สุดในการค้าก็คือการโฆษณาทางโทรทัศน์

จุดที่เราจะมาพิจารณาก็คือ การโฆษณาสมัยนี้เป็นการโฆษณาเพื่อ “บอกให้รู้” หรือเป็นการ “หลอกให้ซื้อ” คือถ้าเป็นการโฆษณาที่ซื่อสัตย์ ไม่หลอกลวง พูดตามที่เป็นจริงไม่ปิดบังหรือมีอะไรแอบแฝงซ่อนเร้น ก็จัดเป็นการ “บอกให้รู้” เพื่อให้เกิดประโยชน์ทั้งแก่ผู้จ้างโฆษณาและผู้ซื้อของจากโฆษณา ซึ่งในกรณีนี้ดูจะมีน้อย หรือมีบ้างก็ไม่บริสุทธิ์เต็มที่ แต่พวก “หลอกให้ซื้อ”นี้กลับมีมากมายเต็มไปหมด

การหลอกให้ซื้อนี้ก็คือการพูดบอกถึงคุณค่าหรือประโยชน์ที่เลิศเลอเกินความจริงของสินค้าที่โฆษณา เพื่อให้เกิดประโยชน์เฉพาะแก่ผู้จ้างโฆษณาเสียมากกว่า ส่วนคนซื้อจะได้ประโยชน์อะไรหรือไม่นั้น ผู้จ้างโฆษณาเขาจะไม่สนใจ  ซึ่งนี่เท่ากับเป็นการหลวงลวงที่ผิดทั้งศีลธรรมและกฎหมาย  ส่วนหน่วยงานที่ดูแลเรื่องการโฆษณานั้นเราก็อย่าหวังว่าจะพึ่งพาอะไรเขาได้มากมายนัก เพราะผลประโยชน์จากการโฆษณาที่หลอกให้ซื้อนี้มันมีมูลค่ามหาศาล  ดังนั้นเราจะเห็นว่าบ้านเมืองของเรามีแต่การโฆษณาอยู่เต็มไปหมดทุกซอกทุกมุม และดูจะทุกเวลาเลยก็ว่าได้  อย่างนี้ต้องเรียกว่า “โฆษณาบ้าเลือด” คือทำกับเอาเป็นเอาตายเลยก็ว่าได้

เราจะดูตัวอย่างกันว่าอะไรบ้างที่เป็นการโฆษณาหลอกให้ซื้อ อย่างเช่นการโฆษณา เหล้า บุหรี่ ล๊อตเตอร์รี่ เป็นต้นที่เป็นอบายมุข ที่จะนำความเดือดร้อนมาให้ชีวิต ที่ถูกห้ามโฆษณาในบางเวลาไปแล้ว  ซึ่งทั้งๆที่มีแต่โทษ เขากลับไม่พูดถึง เขาจะพร่ำถึงแต่ว่ามันน่ากิน น่าดื่ม น่าสูบอย่างไรเท่านั้น อย่างนี้มันยิ่งกว่าปล้นคนดูเสียอีก  ซึ่งคนโง่ก็ตกเป็นเหยื่อเขาอย่างง่ายดาย

ส่วนพวกน้ำดื่มชูกำลังทั้งหลายก็เอาแต่บอกว่าทำให้มีกำลัง ทำให้สดชื่น แต่พอจะบอกถึงโทษก็บอกนิดหน่อยเพราะถูกกฎหมายบังคับ แถมบอกเร็วๆจนฟังไม่ทันอีก คนขายจึงร่ำรวยติดอันดับโลก ส่วนคนซื้อก็ติดกันงอมแงม พอวันไหนไม่ได้ดื่มก็จะหมดเรี่ยวหมดแรง เซื่องซึม ไม่สดชื่น เหมือนคนติดยาเสพติดที่จะลงแดงตายเมื่อไม่ได้เสพ จึงต้องเจียดเงินที่แม้จะมีอยู่น้อยนิดเอาไปซื้อเครื่องดื่มชูกำลังที่ผสมคาเฟอีนปริมาณมากมากระตุ้นร่างกายให้กลับมาสดชื่นเหมือนเดิม  และไม่นานมันก็หมดฤทธิ์กระตุ้น แล้วก็ต้องไปซื้อมาดื่มอีก จนติดเลิกไม่ได้  ถ้าคิดให้ดีเดือนหนึ่งๆบางคนจ่ายค่าเครื่องดื่มชูกำลังนี้ไปหลายร้อยเลยทีเดียว นี่ยังไม่รวมผลร้ายแก่ร่างกายมากมายที่จะตามมาถ้าดื่มติดต่อกันเป็นปีๆ เช่นประสาทเสีย สมองเสื่อม ร่างกายทรุดโทรม เป็นต้น ซึ่งไม่ค่อยจะมีใครเอามาบอก เพราะผลประโยชน์มันปิดบังเอาไว้จนมิด เราจึงไม่ค่อยรู้ถึงโทษของมัน  พอเวลาเราเกิดโรคอะไรต่างๆขึ้นมาเราก็ไม่รู้สาเหตุว่ามันมาจากอะไรแน่ เรียกว่าซวยไปก็แล้วกัน

ที่นี้มาดูพวกเครื่องดื่มน้ำดำทั้งหลาย ถ้าไม่ดำก็ไม่เท่าไร เพียงมีผลเสียทำให้ร่างกายได้รับน้ำตาลมากเกินจำเป็นแล้วโรคอ้วนก็ตามมา หรือเบาหวาน โรคหัวใจ โรคความดันต่างๆก็ตามมาเท่านั้น ยังไม่รวมถึงเงินที่ต้องเสียไปอีกมากมาย  ส่วนพวกน้ำดำนี่ก็หนักเข้าไปอีกหน่อย คือผสมคาเฟอีนที่มีอยู่ในกาแฟ ที่ทำให้สดชื่นเหมือนพวกน้ำดื่มชูกำลังทั้งหลายนั่นเอง ซึ่งนี่ก็ไม่ใช่ย่อย แม้คนยากคนจนก็ต้องซื้อมาดื่ม เพราะติดความอร่อยและสดชื่นเบิกบานชั่วครู่ชั่วยาม รวมทั้งทำให้ดูว่าโก้เก๋ทันสมัย แม้กระเป๋าจะแฟบไปตามๆกันก็ตาม

ส่วนพวกเครื่องสำอางก็ขายดิบขายดี เพราะรู้ว่าผู้หญิงอยากสวย อยากขาว ผู้ชายก็ชอบผู้หญิงสวยและขาว ซึ่งความจริงก็คือถ้าไม่ถูกแดดมันก็ขาวอยู่แล้ว พอถูกแดดมันก็จะคล้ำ จึงต้องเอาสารเคมีมากัดผิวที่คล้ำให้มันลอกออกไปเร็วๆเท่านั้น ถ้าไปถูกแดดมันก็จะคล้ำอีก  แม้เรื่องสิวที่เป็นธรรมชาติก็ยังขายดีเพราะคนไม่อยากเป็นสิว ถ้ามีของวิเศษอย่างที่เขาโฆษณาจริงแล้วละก็ เขาไม่ขายถูกๆกันเป็นแน่

รวมทั้งพวกยาหรืออะไรที่จะช่วยให้ลดน้ำหนักได้ ที่ทำให้ผอมสวยได้ก็เหมือนกัน ถ้าทำได้จริงพวกคนมีเงินเขาก็ผอมสวยกันหมดแล้ว นี่ไม่เป็นอย่างนั้น เพราะยิ่งรวยดูว่าจะยิ่งอ้วน เพราะกินไม่ยั้ง คือกินแต่ของดีๆเพราะมีเงิน แต่ขี้เกียจออกกำลังกาย เพราะชอบสบาย ผลจึงทำให้อ้วนกันไปหมด ส่วนพวกอดๆอยากๆกลับไม่ค่อยจะอ้วนเพราะไม่ค่อยจะมีของดีๆกัน

ส่วนพวกโทรศัพท์มือถือต่างๆก็แข่งกันโฆษณาแย่งลูกค้า พยายามออกโทรศัพท์รุ่นใหม่ๆมายั่วกิเลส พอซื้อมาไม่กี่เดือนก็ตกรุ่น ต้องซื้อใหม่อีก  แถมยังโฆษณากระตุ้นให้โทรกันเป็นว่าเล่น ไม่จำเป็นก็โทร  บอกว่ายิ่งโทรมากก็ยิ่งจ่ายน้อย ก็เลยทำให้โทรมากขึ้นอีก แล้วต้องจ่ายมากขึ้นเพราะโทรมากเกินไป  ใครไม่มีดูจะเป็นมนุษย์ยุคหินไปเสียแล้ว อยากโก้ทันสมัยก็ต้องควักประเป๋าจ่ายเป็นรายจ่ายประจำทุกเดือน จึงทำให้เงินเก็บไม่มี แม้จะใช้ในแต่ละเดือนยังไม่พอ จึงต้องไปกู้เขามาอีก แล้วก็เสียดอกแพงๆต่อไปอีก น่าสงสารคนที่จิตใจอ่อนแอกลัวอายคนอื่น กลัวเขาหาว่าจน ว่าต่ำต้อยพวกนี้จัง ที่ต้องเป็นทาสของพวกเจ้าของทรศัพท์มือถือทั้งหลาย ที่ร่ำรวยข้ามโลกไปตามๆกัน

เทคโนโลยี่ต่างๆก็เหมือนกัน ส่วนที่จำเป็นจริงๆนั้นไม่ต้องราคาแพงหรือว่าเป็นรุ่นใหม่ๆเลย แต่ที่เอามาเล่นเกมส์ เอามาดูหนัง ฟังเพลงนี่ซิมันราคาแพงและต้องรุ่นใหม่ๆที่ต้องจ่ายมากขึ้นหลายเท่า รวมทั้งพวกรถยนต์ รถมอเตอร์ไซต์ด้วย  เป็นต้น

สรุปว่าเราจะต้องฉลาดที่จะดูโฆษณา อย่าให้เขาหลอกเราได้ เราต้องพิจารณาว่าเราจำเป็นมากน้อยเพียงใดที่จะต้องซื้อสินค้าที่เขาโฆษณา  ซึ่งสินค้าฟุ่มเฟือยนั้นชอบที่จะโฆษณาว่าเป็นของจำเป็น จนเป็นค่านิยมว่าจำเป็นที่จะต้องมีต้องใช้ไปเสียแล้ว  หรือถ้าจะซื้อก็ต้องรู้จักเลือกดูคุณประโยชน์ ไม่ใช่เลือกตามโฆษณา ซึ่งเราก็ต้องหมั่นอ่าน หมั่นฟังสิ่งที่เป็นสาระกันให้มากขึ้น จึงจะมีวิจรณะญาณในการเลือกซื้อได้ถูกต้อง อย่าเอาแต่ดูแต่ฟังพวกสิ่งบันเทิงเริงรมย์  หรือนิยายน้ำเน่าที่ท่วมบ้านท่วมเมืองอยู่ในปัจจุบัน มันจะทำให้เราจมลงๆ คือโง่มากขึ้นๆทุกวัน แล้วก็เป็นทาสเขาไปโดยไม่รู้ตัว เหมือนเป็นควายให้เขาจูงจมูกใช้ให้ทำงานหนักไปจนตลอดชีวิตโดยได้รับค่าตอบแทนเพียงน้อยนิด  อย่าลืมว่า “คนโง่ไม่มีทางสุขสบายได้จริง”

            เตชปญฺโญ ภิกขุ 
อาศรมพุทธบุตร เกาะสีชัง ชลบุรี


>center> (ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก www.whatami.net)


*********************