ทำไมคนไม่เข้าวัด?

สมัยก่อนที่ยังไม่มีความเจริญผู้คนมักจะเข้าวัดเพื่อทำบุญและฟังเทศน์ หรือไม่ก็ไปร่วมงานต่างๆที่ทางวัดจัดขึ้น ซึ่งการเข้าวัดของคนสมัยก่อนนั้นทำเพื่อความสุขทางจิตใจ คือทำบุญหรือฟังเทศน์แล้วสบายใจ หรือได้ช่วยงานวัดแล้วสุขใจ ใครได้เสียสละให้วัดแล้วจะมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก ที่เรียกว่า “อิ่มบุญ”

แต่ในปัจจุบันผู้คนไม่ค่อยจะเข้าวัดกันแล้ว เพราะอะไร?  เพราะสมัยนี้มีความเจริญทางวัตถุมาก วัฒนธรรมทางตะวันตกที่นิยมวัตถุได้เข้ามาทำลายวัฒนธรรมความสุขทางจิตใจของคนไทยไปเสียหมด ผู้คนหันมานิยมความสุขจากวัตถุนิยม คือจากเรื่องกามารมณ์ เรื่องความสวย ความงาม ความสนุกสนานรื่นเริง และจากเรื่องการมีวัตถุสิ่งของฟุ่มเฟือย รวมทั้งจากเรื่องเกียรติยศชื่อเสียง จึงไม่สนใจความสุขทางจิตใจกันอีกแล้ว

วัดจึงเป็นสถานที่เฉพาะคนแก่เฒ่าจะเข้าไปหาความสุขทางจิตใจ ส่วนวัยรุ่นและคนสมัยใหม่จะไม่สนใจ เพราะเขาจะลุ่มหลงความสุขทางเนื้อหนัง อันเป็นความสุขจากวัตถุนิยม ที่มันให้ความเอร็ดอร่อยอย่างยิ่งโดยมันจะหาได้ง่ายจากคลับ จากบาร์ จากสถานเริงรมย์ โรงหนังโรงละคร หรือห้างสรรพสินค้า เป็นต้น และแม้แต่ในบ้านก็มีวิทยุโทรทัศน์ เครื่องเสียง ซีดี คอมพิวเตอร์  ที่ให้ความสุขทางตา ทางหูอยู่แล้วทุกวี่วัน จึงทำให้เขาไม่สนใจจะไปหาความสุขทางใจกันที่วัด แม้เด็กๆก็ติดการ์ตูน ติดเกมส์จนแทบไม่สนใจจะไปเล่นกับเพื่อนๆนอกบ้าน

วัดเป็นสถานที่ปลูกฝังศีลธรรม แต่เมื่อผู้คนไม่เข้าวัด ผู้คนก็ห่างเหินศีลธรรม เด็กวัยรุ่นสมัยใหม่ไม่รู้จักคำว่าความสุขทางจิตในเสียแล้ว เขารู้จักแต่ว่าจะสนุกสนานทางตา หู จมูก ลิ้น และกายเท่านั้น จึงทำให้เรามีแต่เด็กที่สร้างปัญหา ดื้อด้าน ไม่เชื่อฟังพ่อแม่ครูอาจารย์อยู่เต็มไปหมดทั้งบ้านทั้งเมืองอันเป็นปัญหาสังคมอยู่ในปัจจุบัน

แล้วจะทำอย่างไรคนจึงจะเข้าวัด?  มันก็ยาก เพราะวัดจะต้องปรับตัวให้ทันสังคม จะเอาแต่เรื่องนรกมาขู่ เอาสวรรค์มาล่ออย่างแต่ก่อนไม่ได้เสียแล้ว จะต้องเอาความจริงมาสอนกันแล้ว คือต้องปรับตัวให้ทันสมัย ต้องเอาเหตุเอาผลมาสอน ชี้ให้ผู้คนเห็นโทษภัยของความสุขทางเนื้อหนังและชี้ถึงคุณค่าของความสุขทางจิตใจ แต่ที่สำคัญทางวัดก็ต้องทำตัวเป็นตัวอย่างด้วย ไม่ใช่จะเอาแต่สอน แต่ไม่ทำตามที่ตนเองสอนมันก็ไม่ได้ผล บางคนไม่อยากเข้าวัดกลัวถูกเรี่ยไร ถ้าเข้าวัดแล้วเสียเงินก็ไม่ค่อยจะมีใครอยากเข้า

เมื่อคนไม่เข้าวัด วัดก็ต้องเข้าไปหาคน ด้วยการเอาคำสอนไปหา ไม่ใช่จะตามไปเรี่ยไร ถึงบ้าน  คือก็ต้องสอนกันทางวิทยุบ้าง ทางโทรทัศน์บ้าง หรือที่ดีหน่อยก็ให้พระไปสอนตามโรงเรียน

แล้วจะสอนอะไร? ถ้าจะสอนเรื่องดับทุกข์แล้วอย่าหวัง จะสอนได้ก็ระดับศีลธรรม เช่นเรื่องอบายมุข,เรื่องความกตัญญู, ความอดทน, ความเสียสละ, ความซื่อสัตย์, ความขยัน, ประหยัด,  มีเมตตา,ความอ่อนน้อมถ่อมตน,การมีกิริมารยาทที่ดีงาม, การรักนวลสงวนตัวของเด็กสาว เป็นต้น อย่าไปสอนเรื่องอะไรที่มันไกลตัว

ประเทศที่เขามีความเจริญทางวัตถุเขาเริ่มที่จะสนใจความสุขทางจิตใจกันแล้ว เพราะเขาอิ่มตัวกับวัตถุแล้ว เขาเห็นว่าวัตถุไม่ได้ช่วยให้จิตใจเขาเป็นสุข มีแต่จะทำให้เร่าร้อนใจ  ส่วนเรายังหลงใหลวัตถุกันอยู่ยังไม่อิ่ม สักวันถ้าเราจะศึกษาธรรมะก็คงต้องไปหาศึกษาจากต่างประเทศ เพราะประเทศเราจะมีแต่เรื่องพิธีกรรมและเรื่องการทำบุญเพื่อขึ้นสวรรค์ หรือไม่ก็เป็นเรื่องไสยศาสตร์ หรือโหราศาสตร์ที่ไม่ใช่เรื่องของพุทธศาสนาเลย.

เตชปญฺโญ ภิกขุ

อาศรมพุทธบุตร เกาะสีชัง ชลบุรี


(ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก www.whatami.net)


*********************