เรื่อง ความเชื่อฟัง


        ธยานาจารย์ชื่อ เบ็งกะอี เป็นผู้มีชื่อเสียงในการเทศนาธรรม พวกที่มาฟังท่านนั้นไม่ใช้เฉพาะในวงของพวกนิกายเซ็น พวกนิกายอื่นหรือพวกสังคมอื่นก็มาฟัง ชนชั้นไหนๆก็ยังมาฟัง เพราะท่านไม่ได้เอาถ้อยคำในคัมภีร์ หรือในหนังสือหรือในพระไตรปิฎกมาพูด แต่ว่าคำพูดทุกคำนั้น มันหลั่งใหลออกมาจากความรู้สึกในใจของท่านเองแท้ๆ ผลมันจึงเกิดว่า คนฟังเข้าใจหรือชอบ แห่กันมาฟังจนทำให้วัดอื่นร่อยหรอคนฟัง เป็นเหตุให้ภิกษุรูปหนึ่ง ในนิกายนิชีเรน(พุทธศาสนาคนละนิกายกัน) โกรธมากคิดจะทำลายล้างอาจารย์เบ็งกะอีคนนี้อยู่เสมอ .
         วันหนึ่งในขณะที่ท่านอาจารย์คนนี้กำลังแสดงธรรมอยู่ในที่ประชุม พระที่เห็นแก่ตัวจัดองค์นั้นก็มาทีเดียว หยุดยืนอยู่หน้าศาลาแล้วตะโกนว่า เฮ้ย อาจารย์เซ็น หยุดประเดี๋ยวก่อน ฟังฉันก่อน ใครก็ตามที่เคารพท่าน จะต้องเชื่อฟังคำที่ท่านพูด แต่ว่าคนอย่างฉันไม่มีวันที่จะเคารพท่าน ท่านจะทำอย่างไรที่จะทำให้ฉันเคารพเชื่อฟังท่านได้ .
         เมื่อภิกษุอวดดีร้องท้าไปตั้งแต่ชายคาริมศาลา ท่านอาจารย์เบ็งกะอีก็พูดว่า "มาซีขึ้นมานี่ มายืนข้างๆฉันซี แล้วฉันจะทำให้ดูจะทำอย่างไร พระภิกษุนั้นก็ก้าวพรวดพราดขึ้นไปด้วยความทะนงใจ ฝ่าฝูงคนเข้าไปยืนหราอยู่ข้างๆท่านอาจารย์เบ็งกะอี ท่านอาจารย์เบ็งกะอีก็ว่า ยังไม่เหมาะมายืนข้างซ้ายดีกว่า พระองค์นั้นก็ผลุนมาเชียว มาอยู่ข้างซ้าย ท่านอาจารย์เบ็งกะอีบอกอีกว่า อ๋อ ถ้าจะพูดให้ถนัดต้องอย่างนี้ ต้องข้างขวา ข้างขวา พระองค์นั้นก็ผลุนมาทางขวา พร้อมกับมีท่าทางผยองอย่างยิ่งพร้อมที่จะท้าทายอยู่เสมอ ท่านอาจารย์เบ็งกะอีจึงว่าเห็นไหมล่ะ ท่านกำลังเชื่อฟังฉันอย่างยิ่ง ในฐานะที่ท่านเชื่อฟังอย่างยิ่งแล้ว ฉะนั้นท่านจงนั่งลงฟังเทศน์เถิด .

        คติธรรม นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การมีเพียงความรู้เพียงอย่างเดียวนั้นยังไม่พอ จะต้องมีความเข้าใจและไหวพริบด้วย จึงจะแก้ปัญหาต่างๆได้ การคบบัณฑิตจึงเป็นมงคลแก่ชีวิต การคบคนพาลจึงเป็นความเสื่อมและความเศร้าหมองแก่ชีวิต
|NEXT|